More
    หน้าแรกหนังสือพัฒนาตนเองรีวิว "Time Smart ความฉลาดทางเวลา" ฝึกจัดสรรเวลาอย่างมีระบบ

    รีวิว “Time Smart ความฉลาดทางเวลา” ฝึกจัดสรรเวลาอย่างมีระบบ

    เรียนรู้วิธีการบริหารและจัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพกับ "Time Smart ความฉลาดทางเวลา" หนังสือที่แนะแนวทางการบริหารเวลาให้ก่อประโยชน์และเพิ่มเวลาว่างให้คุณได้ทำสิ่งที่อยากทำเพิ่มมากขึ้น ทั้งชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของเวลาที่มีความสำคัญมีจำนวนจำกัดควรใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ

    -

    การบริหารจัดการเวลาที่ดีแบ่งเวลาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเป็นอีกปัจจัยที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีวิธีบริหารจัดการเวลาให้ลงตัวกับชีวิตของตนเองเสมอ ในวันนี้เราได้หยิบยกหนังสือที่ชี้ให้เห็นแนวทางบริหารจัดการเวลาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลกับ Time Smart ความฉลาดทางเวลา หนังสือที่จะพาคุณไปเรียนรู้ถึงวิธีการจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสมให้เข้ากับแต่ละคนและคุณค่าของเวลาที่หลายๆ ครั้งเรามองข้ามทำสิ่งที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์มากกว่าที่เราคาดคิด รีวิวโดยเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก ที่จะหยิบยกความน่าสนใจบางส่วนของหนังสือเล่มนี้มาเล่าสู่กันฟังใน รีวิว Time Smart ความฉลาดทางเวลา

    รีวิว “Time Smart ความฉลาดทางเวลา” ฝึกบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

    รีวิว Time Smart ความฉลาดทางเวลา
    Time Smart ความฉลาดทางเวลา

    ที่เรามักจะบอกว่าตัวเรา ‘ไม่มีเวลา’ เป็นเพราะว่าเราไม่มีเวลาจริงๆหรือเรายังจัดสรรเวลาได้ไม่ดีพอกันเเน่? จากสถิติพบว่าเรามีโอกาสถึง 8 ใน 10 ที่จะอยู่ในกลุ่มคนที่ ‘จนเวลา’ มากที่สุดในโลก เมื่อรู้เเบบนี้ก็ทำให้อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมอัตราส่วนของคนที่มีความขัดสนทางเวลาจึงมีมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราอยู่ในยุคดิจิตอลที่มีเทคโนโลยีมากมายที่เข้ามาช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้นกว่าในอดีตมาก

    เเต่ถ้าใครกำลังตกอยู่ในภาวะความขัดสนทางเวลาก็อย่าพึ่งกังวลไป ปัญหานี้ยังสามารถเเก้ไขได้ถ้าเรารู้ถึงสาเหตุเเละหาทางเเก้ได้อย่างตรงจุด เราเลยจะมาเเนะนำให้ทุกคนรู้จักกับหนังสือเล่มนึงค่ะ เป็นหนังสือที่พูดเรื่องเกี่ยวกับเวลา ทั้งการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดสนทางเวลาเเละการสร้างความมั่งคั่งทางเวลาในระยะยาว วันนี้รีวิวทุกอย่างที่อ่านออกเลยจะพาทุกคนมารู้จักกับ ‘Time Smart ความฉลาดทางเวลา’ กันค่ะ

    ก่อนที่เราจะพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดสนเวลา เราอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของ ‘เงิน’ เเละ ‘เวลา’ ก่อนค่ะ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน ถ้าเราเลือกสิ่งหนึ่งก็จะเสียอีกสิ่งหนึ่งไป เงินจึงเป็นหนึ่งใน ‘กับดักเวลา’ ที่นำไปสู่ความขัดสนทางเวลาได้ ตัวอย่างสถานการณ์ที่เราต้องเลือกระหว่างเงินเเละเวลาก็อย่างเช่น ต้องเลือกว่าจะเรียนต่อหรือหางานทำ หรือ ต้องเลือกว่าจะหยุดพักผ่อนหรือหางานพิเศษทำ

    เเต่ด้วยค่านิยมที่เราถูกปลูกฝังมาตลอดว่าเงินคือทรัพยากรที่สำคัญ จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักจะให้คุณค่ากับเงินมากกว่า เห็นได้จากการที่มีคนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะยอมเสียเวลาเป็นวันๆ เพื่อหาซื้อสินค้าคุณภาพดีในราคาที่ถูกที่สุด ดังนั้นถ้าเราอยากจะจัดสรรเวลาได้ดีเราก็ไม่ควรที่จะประเมินมูลค่าของเวลาที่เราสูญเสียต่ำเกินไป นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่นำไปสู่กับดักเวลาได้เช่นกัน อย่างเช่น เทคโนโลยีเเละเเนวคิดเรื่องความบ้างาน

    สาเหตุเรื่องเทคโนโลยีเป็นอะไรที่เรามองว่าน่าสนใจค่ะ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนมักจะมองข้ามเเละนึกไม่ออกว่ามันจะนำไปสู่กับดักเวลาได้ยังไง โดยการนำเทคโนโลยีมาช่วยจะทำให้เราทำงานจากที่ไหนก็ได้ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เเต่จุดนี้เองก็ทำให้เกิดข้อเสียได้ด้วยเช่นกัน เพราะการเปิดใช้เทคโนโลยีผ่านอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา จะทำให้เรารู้สึกเหมือนต้องทำงานอยู่ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นพนักงานหลายคนยังยอมรับว่าตัวเองเคยเช็คอีเมลหรือตอบข้อความเกี่ยวกับเรื่องงานหลังสี่ทุ่ม ซึ่งการสูญเสียเวลาเล็กๆ น้อยๆ เเบบนี้ ถ้าบ่อยครั้งเข้าก็รวมเป็นเวลาที่มากได้เหมือนกัน

    ต่อมาเราจะพูดถึงประเด็นหลักของหนังสือเล่มนี้นั่นก็คือ วิธีการจัดสรรเวลาให้มีประสิทธิภาพ โดยวิธีการจัดการเวลาเพื่อนำไปสู่ความมั่งคั่งทางเวลาก็มีอยู่หลายอย่าง ทั้งการหาเเละซื้อเวลา การสร้างนิสัยทางเวลาที่ดีเเละการวางแผนชีวิตเพื่อให้เกิดความมั่งคั่งทางเวลา โดยถ้าเราทำตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราเป็นคนที่มีความมั่งคั่งทางเวลาในระยะยาวได้

    สำหรับ ‘การหาเวลา’ จะเป็นการเเนะนำให้ลดเวลาในการทำสิ่งที่ไม่ชอบลงเเละไปเพิ่มเวลาทำสิ่งที่ชอบเเทน เเต่ถ้าใครไม่สามารถหาเวลาได้ก็มีอีกหนึ่งทางเลือกนั่นคือ ‘การซื้อเวลา’ ที่เป็นการจ่ายเงินเพื่อเเลกกับบริการที่ช่วยประหยัดเวลา เช่น การจ่ายเงินซื้อบริการสตรีมมิ่งเพลงเพื่อขจัดโฆษณา เเต่การซื้อเวลาก็ยังเป็นสิ่งที่บางคนมองว่าฟุ่มเฟือย ผู้เขียนเลยลองสร้างหน่วยวัดเเบบใหม่ที่เรียกว่า ‘ดอลลาร์สุข’ ขึ้นมา เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าหากเรานำเงินไปซื้อเวลาเเบบต่างๆ จะทำให้เรามีความสุขเพิ่มมากน้อยเท่าไหร่

    ถ้าเราลองมาวัดต้นทุนเเละผลตอบเเทนจากการจ้างคนมาทำงานบ้านตามหน่วยวัดเเบบดอลลาร์สุขจะพบว่า การจ้างคนมาทำงานใช้เงินไป 5,200 ดอลลาร์ เเต่มันกลับเพิ่มความสุขให้เราได้มาถึง 18,000 ดอลลาร์สุข ถ้าเราเชื่อในการเปรียบเทียบเเบบนี้ก็ควรเลือกจ้างคนมาทำงาน เเต่ถึงอย่างนั้นการวัดมูลค่าเเบบนี้ก็ยังมีความเเม่นยำไม่มาก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จ้างคนมาทำงานเเล้วจะมีความสุขเพิ่มขึ้นในระดับที่ผู้เขียนบอกไว้ อีกทั้งเเต่ละคนก็มีปัจจัยอื่นๆ มากำหนดไม่เหมือนกัน เช่น ระดับหนี้สินเเละค่าใช้จ่าย เเละการใช้เงินซื้อเวลาเเบบนี้ก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับคนทุกกลุ่ม

    เเต่อย่างไรก็ตามถ้าเราอยากจะเป็นคนที่มีความมั่งคั่งทางเวลาในระยะยาว เราก็ควรที่จะฝึกการสร้างนิสัยที่เอื้อต่อการจัดการเวลาที่ดี ในหัวข้อนี้มีหลายคำเเนะนำที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจเเละไม่ค่อยเจอในหนังสือเล่มอื่นๆ วันนี้เราเลยจะยก 2 คำเเนะนำที่เรามองว่าน่าสนใจมาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ

    กำหนดช่วงเวลา Pro-Time ในเเต่ละวันสำหรับการจัดการงานที่สำคัญเเต่ไม่เร่งด่วน เเละในช่วงเวลานี้ควรปิดสิ่งรบกวนทั้งหมด เพื่อไม่ให้งานที่ด่วนเเต่ไม่สำคัญอื่นๆ มาดึงเวลาในส่วนนี้ไป (ก่อนที่จะนำวิธีนี้ไปใช้เราอยากให้ทุกคนไปศึกษาเเผนภาพเรื่องการเเบ่งความสำคัญของงานที่หน้า 113 เพิ่มเติมก่อนค่ะ) เพิ่มการประเมินต้นทุนด้านโอกาสเข้าไปในทุกๆ กิจกรรม ด้วยการถามตัวเองว่าเวลาที่เราเอาไปใช้ทำกิจกรรมนั้นๆ เราต้องสูญเสียโอกาสในการทำกิจกรรมอะไรไปบ้างเเละถ้าเราเริ่มรู้ตัวว่าเสียเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ ไปกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ให้ถามตัวเองว่าทำไมถึงทำสิ่งนี้

    นอกจากการฝึกนิสัยทางเวลาเเล้ว การตัดสินใจครั้งสำคัญๆ ในชีวิตก็ส่งผลกับความมั่งคั่งทางเวลาในระยะยาวของเราเหมือนกัน คำถามในหัวข้อนี้หลายประเด็นเราว่าน่าสนใจเลยค่ะ เช่น ระหว่างงานที่มีผลตอบเเทนมากกว่ากับงานที่ทำให้เรามีเวลาว่างมากกว่าเราควรเลือกทำงานเเบบไหน? เเละถ้าบ้านสองหลังมีราคาใกล้เคียงกันระหว่างบ้านขนาดเล็กกว่าเเต่อยู่ใกล้ที่ทำงานมากกว่ากับบ้านที่ใหญ่กว่าเเต่ต้องใช้เวลามาทำงานมากกว่าเราควรเลือกซื้อบ้านหลังไหน?

    โดยภาพรวมเราว่าหนังสือเล่มนี้กำลังพยายามปรับทัศนคติกับผู้อ่านเรื่องคุณค่าเวลา เเต่ผู้เขียนก็ไม่ได้บอกว่าเราต้องให้ความสำคัญกับเวลามากกว่าสิ่งอื่น เราว่าผู้เขียนน่าจะอยากบอกให้เราไม่ละเลยปัจจัยเรื่องเวลาเเละควรนำมันมาใช้ประกอบในทุกๆ การตัดสินใจมากกว่า ถ้าใครกำลังหาหนังสือเกี่ยวกับการบริหารจัดการเวลาอยู่ เราว่าเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลย เพราะนอกจากจะได้รู้ปัญหาเรื่องเวลาหลายเรื่องที่เราเคยมองข้ามไป เรายังจะได้เทคนิคการจัดการเวลาที่ดีกลับไปอีกเยอะเลยค่ะ

    รีวิวโดยเพจ รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก

    Score Explanation
    Writing Style: 8/10
    เพราะมีการอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบทำให้อ่านเเล้วเห็นภาพได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีสรุปประเด็นสำคัญในเเต่ละบทไว้ให้เพื่อช่วยให้เราจับประเด็นสำคัญๆได้ง่ายขึ้น
    Time worthiness: 8/10
    เพราะภาพรวมนำเสนอได้เหมาะกับเรื่องที่ต้องการจะสื่อ
    Content Usefulness: 8/10
    คำเเนะนำที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง เเละมีการเเนบตารางเพื่อให้ผู้อ่านได้ลองไปจัดสรรการใช้เวลาของตัวเองด้วย

    และทั้งหมดคือรีวิว Time Smart ความฉลาดทางเวลา หนังสือที่แนะแนวเทคนิคในการจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมแก่การดำเนินชีวิตในแต่ละคน คุณค่าของเวลาคือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้มุ่งเน้นและอยากจะสื่อว่ามีความสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นๆ ในชีวิต เพราะฉะนั้นเราทุกคนจึงควรที่จะเรียนรู้ถึงวิธีการบริหารและจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์อย่างที่สุด สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพจ

    รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก
    รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก
    รีวิวทุกอย่างที่อ่านออก คนชอบอ่านหนังสือที่เริ่มต้นมาจากอยากทำสรุปให้ตัวเองอ่าน เพราะอ่านแล้วลืมว่าหนังสือเล่มนี้ดียังไง จนมาถึงเพจที่มีผู้ติดตามหลายหมื่น มาร่วมสังคมรักการอ่านด้วยกันนะคะ :)

    บทความล่าสุด

    เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) นักเขียนผู้พัฒนาศาสตร์แห่งการสื่อสารและสร้างสัมพันธ์

    เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) นักเขียนผู้มีผลงานมุ่งเน้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และบุคลิกภาพที่ดีให้แก่ผู้คนที่พบปัญหาด้านนี้ พร้อมทั้งได้สร้างงานเขียนและสถาบันที่ส่งเสริมให้คนมีความมั่นใจในตนเองได้มากขึ้น

    รีวิว เราจะเป็นแดดจ้า ในวันที่ฟ้ามีเมฆมาก

    รีวิว "เราจะเป็นแดดจ้า ในวันที่ฟ้ามีเมฆมาก" จากนักวาดภาพประกอบแพซ็องแท ที่มีผู้ติดตามกว่า 100000 คนจะมาบอกเล่าเรื่องราวความรักและชีวิตคู่ของเขาและภรรยาพร้อมกับแมวอีกสองตัว ให้คุณได้สมัผัสความอบอุ่นของความรักที่งดงาม

    อ่านตาม เยริ (Yeri) น้องสาวคนเล็กจาก red velvet

    อ่านตาม เยริ (Yeri) น้องเล็กของ red velvet ที่มากด้วยความสามารถและเสน่ห์ที่ใครๆ ต่างก็หลงใหลพร้อมๆ กับชั้นหนังสือที่เธอได้อ่านที่มีความน่าสนใจและน่าติดตามไม่แพ้กัน จะมีเล่มไหนบ้างติดตามได้ในบทความนี้

    Battle of Stalingrad หนึ่งในสมรภูมิชี้ชะตาในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ยุทธการที่สตาลินกราด (Battle of Stalingrad) หนึ่งในสมรภูมิที่ยากลำบากที่สุดในการต่อสู่ระหว่างมนุษย์ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญอันนำมาสู่การตัดสินชี้ขาดของสงครามโลกครั้งที่และการสูญเสียเหลือคณานับ
    - Advertisement -spot_imgspot_img

    รู้จัก “โรคไต” กับ 150 ข้อควรรู้เกี่ยวกับภัยร้ายที่ถูกมองข้าม

    โรคไต หนึ่งในโรคร้ายที่มีผู้ป่วยมากมายพบปัญหากับโรคนี้ในปัจจุบัน ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก มาทำความรู้จักโรคไตกันลึกซึ้ง พร้อมหนังสือแนะนำสำหรับดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคไตและหลีกเลี่ยงโรคนี้

    อ็องเดร ฌีด (André Gide) นักเขียนรางวัลโนเบลผู้ให้ความสนใจปัญหาสังคมและวัฒนธรรมฝรั่งเศส

    อ็องเดร ฌีด (André Gide) เนักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้ชื่นชอบการสำรวจ แสวงหาความหมายและคุณค่าของชีวิต ตลอดจนกระทั่งปัญหาสังคมในชีวิตประจำวันของฝรั่งเศส ทั้งยังนำเอาเรื่องราวเหล่านั้นสร้างสรรค์ผลงานจนได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา

    บทความแนะนำ

    เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) นักเขียนผู้พัฒนาศาสตร์แห่งการสื่อสารและสร้างสัมพันธ์

    เดล คาร์เนกี (Dale Carnegie) นักเขียนผู้มีผลงานมุ่งเน้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และบุคลิกภาพที่ดีให้แก่ผู้คนที่พบปัญหาด้านนี้ พร้อมทั้งได้สร้างงานเขียนและสถาบันที่ส่งเสริมให้คนมีความมั่นใจในตนเองได้มากขึ้น

    รีวิว เราจะเป็นแดดจ้า ในวันที่ฟ้ามีเมฆมาก

    รีวิว "เราจะเป็นแดดจ้า ในวันที่ฟ้ามีเมฆมาก" จากนักวาดภาพประกอบแพซ็องแท ที่มีผู้ติดตามกว่า 100000 คนจะมาบอกเล่าเรื่องราวความรักและชีวิตคู่ของเขาและภรรยาพร้อมกับแมวอีกสองตัว ให้คุณได้สมัผัสความอบอุ่นของความรักที่งดงาม
    - Advertisement -spot_img

    เราคิดว่าคุณน่าจะชอบRELATED